1.K-ON!!
เค-อง! ก๊วนดนตรีแป๋วแหวว ( けいおん! Keion! ) เป็นการ์ตูนสี่ช่องจากญี่ปุ่นแต่งและวาด โดย Kakifly โดยเริ่มตีพิมพ์ลงในนิตยสารของสำนักพิมพ์ โฮบุนชะ ชื่อ มังงะ ไทม์ คิราระ ฉบับเดือนพฤษภาคม 2007 และตีพิมพ์ลง นิตยสาร มังงะ ไทม์ คิราระ คารัท ฉบับเดือนตุลาคม 2008 ด้วย ส่วนอะนิเมะสร้างโดยเกียวโตแอนิเมชัน ซึ่งฉายระหว่างเดือน เมษายนถึง มิถุนายน 2009ส่วนตอนพิเศษวางจำหน่ายไปเมื่อเดือนมกราคม 2010 และสำหรับซีซันสองนั้นใช้ชื่อว่า K-ON!! ซึ่งจะเริ่มฉายไปเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2010 ที่ญี่ปุ่น ชื่อเรื่องนี้นำมาจากคำว่าเคองงาคุ (軽音楽 keiongaku ) ซึ่งแปลว่า ดนตรีเบาๆ
เด็กสาวมัธยมปลาย ชื่อ ฮิราซาว่า ยุย ยังไม่รู้จะเข้าชมรมไหนดี ในขณะที่ ริทสึ และ มิโอะ นั้นกำลังตั้งชมรม K-ON ขึ้นมาใหม่ เนื่องจากรุ่นพี่ที่อยู่ชมรม K-ON ได้จบไปหมดแล้ว แต่ทว่าชมรมนี้กำลังจะถูกยุบโดยตามกฏของโรงเรียนถ้าไม่มีสมาชิกชมรมอย่างน้อย 4 คน ก่อนการลงทะเบียนชมรม ริทสึ และ มิโอะ สึมุกิ ชักชวนให้เข้าร่วมชมรม K-ON และเพื่อหาสมาชิกคนที่ 4 ทั้งสามคนจึงทำโปสเตอร์รับสมัครสมาชิก หลังจากนั้นยุยซึ่งได้เห็นโปสเตอร์เข้าเธอจึงตัดสินใจเข้าชมรมK-ON โดยที่รู้ว่าตัวเองเล่นเครื่องดนตรีไม่เป็นเลย เธอจึงไปที่ห้องชมรมเพื่อขอยกเลิกแต่ทั้งสามคนพยายามยื้อเพื่อให้ยุยเข้าชมรม โดยอ้างเหตุผลต่างๆนาๆเพื่อให้สามารถคงสถานภาพของชมรมได้... ติดตามการต่อสู้ด้วยดนตรีของเหล่าเด็กสาวมัธยมปลายจะไปถึงฝันหรือไม่...
2. Suzumiya Haruhi no Yuutsu
สึซึมิยะ ฮารุฮิ ( 涼宮ハルヒ Suzumiya Haruhi ) เป็นชื่อเรียกนิยาย ชุดหนึ่งแต่งโดย นาการุ ทานิกาวะ และวาดภาพประกอบโดย โนอิจิ อิโต ลงตีพิมพ์ในนิตยสารสนีกเกอร์ส ในประเทศญี่ปุ่น นิยายชุด สึซึมิยะ ฮารุฮิ ได้รับการดัดแปลงเป็นมังงะลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นเอซจากนั้นได้รับการดัดแปลง เป็นภาพยนตร์การ์ตูนออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ชิบะ ในปี พ.ศ.2549 และนำมาฉายซ้ำพร้อมกับฉายตอนที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในปี พ.ศ. 2552 นอกจากนี้ยังถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนตอนยาวออกฉายในปี พ.ศ. 2553
สึซึมิยะ ฮารุฮิ เป็นนักเรียนหญิงชั้นมัธยมปีที่ 4 ผู้ที่มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆรอบตัวจากจิตใต้สำนึกได้โดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอได้ก่อตั้งชมรมที่เรียกว่า "หน่วยเอสโอเอส" (SOS dan) ย่อมาจาก "Sekai wo Ooini moriagerutame no Suzumiya Haruhi no dan" แปลว่า "หน่วยของ สึซึมิยะ ฮารุฮิ เพื่อทำให้โลกนี้สนุก สนานครื้นเครงยิ่งขึ้น" โดยมีจุดประสงค์เพื่อค้นหาปรากฏการณ์ประหลาดเหนือธรรมชาติ, มนุษย์ต่างดาว, ผู้เดินทางข้ามกาลเวลา, มนุษย์ต่างมิติ และผู้มีพลังพิเศษ ฮารุฮิได้บังคับเคียวน์ เพื่อนร่วมชั้น(ผู้เล่าเรื่อง) และสมาชิกอีกสามคน ได้แก่ หนอนหนังสือไร้อารมณ์ นางาโตะ ยูกิ, สาวน้อยขี้อาย อาซาฮินะ มิคุรุ และ นักเรียนอารมณ์ดี ที่ย้ายเข้ามาใหม่ โคอิซึมิ อิซึกิ เข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม หลังจากนั้นทั้งสามได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงแก่เคียวน์ ว่าไม่ได้เป็นมนุษย์ธรรมดาแต่เป็นกลุ่มที่ฮารุฮิกำลังค้นหาอยู่ นั่นคือมนุษย์ต่างดาว,ผู้เดินทางข้ามกาลเวลาและผู้มีพลังพิเศษ ซึ่งถูกส่งมาจากองค์กรลึกลับต่างๆเพื่อศึกษาสามารถพิเศษของฮารุฮิและยับยั้งฮารุฮิจาก การเปลี่ยนแปลง โลกโดยไม่รู้ตัว โดยพยายามทำให้เธอใช้ชีวิตอยู่อย่างคนปกติ
3. Lucky Star
Lucky☆Star ( らき☆すた Raki☆Suta : Lucky Star: ลักกี☆สตาร์) เป็นมังงะสี่ช่อง เขียนโดย คะงะมิ โยะชิมิซุ (Kagami Yoshimizu) แล้วลงพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร คอมป์ทิก (Comptiq) ของ สำนักพิมพ์คะโดะกะวะ (Kadokawa) ตั้งแต่ เดือนมกราคม 2547 ตราบบัดนี้ และลงพิมพ์อย่างเดียวกัน ในนิตยสารอื่น ๆ ด้วย เป็นต้นว่า โชเน็งเอซ (Shōnen Ace) เนื้อหาเป็นเหมือนมังงะสี่ช่องทั่วไปที่ไม่มีเป้าหมายตายตัว แต่ดำเนินเรื่องไปแบบวันต่อวัน
ครั้นเดือนสิงหาคม 2548 จึงทำเป็นดรามาซีดีขาย และเมื่อเดือนธันวาคม ปีนั้น ก็ทำขายเป็นวีดิโดเกมแบบนินเท็นโดดีเอส (Nintendo DS) ชื่อ ลักกีสตาร์โมะเอะดริล (Lucky Star Moe Drill) นอกจากนี้ เคียวโตะแอนิเมชัน (Kyoto Animation) ยังทำมังงะดังกล่าวเป็นอะนิเมะยี่สิบสี่ตอนฉายทางชิบะทีวี (Chiba TV) ของเครือข่าย โทรทัศน์ญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2550 ถึง 16 กันยายน ในปีเดียวกัน และมีการเขียนเป็น ไลท์โนเวล (light novel) ขายในเดือน กันยายน 2550 อะนิเมะ เช่นว่า ยังเผยแพร่ในหลาย ๆ ประเทศรวมถึง สหรัฐอเมริกาที่ คะโดะกะวะพิกเชอส์ (Kadokawa Pictures) ที่ได้รับอนุญาตไป และ บันดะอิเอนเตอร์เทนเมนต์
(Bandai Entertainment) จำหน่าย ส่วนในประเทศไทย โรสแอนิเมชันได้รับอนุญาตให้จัดจำหน่าย ต่อมาในระหว่างเดือน พฤษภาคม 2551 และเดือน มีนาคม 2552 จึงผลิตเป็นดีวีดีหกชุดขายในประเทศญี่ปุ่น และทำเป็นวีดิโอแอนิเมชันดั้งเดิม (original video animation) ขายเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2551 พร้อมดรามาซีดีด้วย
Lucky☆Star จะหยิบเอาเรื่องราวที่เกี่ยวกับสิ่งรอบตัว ที่เป็นประจำวันของกลุ่มนักเรียนหญิงในโรงเรียนระดับชั้นมัธยมปลายของญี่ปุ่น ในเมืองคาซึคาเบะ จังหวัดไซตามะ ที่เสียดสีกลุ่มคนการ์ตูนเล็กน้อย ตัวเอกของเรื่องคือ อิซึมิ โคนาตะ นักเรียนหญิงผู้เป็นเลิศทั้งในด้านกีฬาและการเรียน แต่กลับไม่เข้าชมรมสังกัดไหน เลยนั่นก็เป็นเพราะว่าการเข้าชมรมหรือกลุ่มกิจกรรมเหล่านั้น จะทำให้เธออดดูการ์ตูนและเสียเวลาเล่นเกมของเธอไป แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่เกียจคร้านซักแค่ไหน แต่สำหรับเรื่องอะนิเมะ หรือวิดีโอเกมที่เธอชอบแล้ว เธอจะทุ่มเวลาและให้ความสนใจกับมันเป็นพิเศษมากว่าสิ่งใด ๆ เสียอีก เนื้อหาที่ตีพิมพ์นั้นจะเริ่มต้นจากการพบกัน
ของตัวละครทั้ง 4 ในปีแรกของการเข้าศีกษาในระดับชั้นมัธยมปลาย คือ อิซึมิ โคนาตะ, ฮิอิรากิ คางามิ, ฮิอิรากิ สึคาสะ และ ทาคาระ มิยูกิ และเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินต่อไป พวกเธอก็จะเปลี่ยนระดับชั้นไปด้วย
4. Gundam
ผู้กำกับและเขียนบทกันดั้มภาคแรกๆคือ โทะมิโนะ โยะชิยุกิ ผู้ออกแบบตัวละครคือ ยะซุฮิโกะ โยะชิกะซุหรือ YAS
หนังสือการ์ตูนกันดั้ม ซึ่งเป็นการดัดแปลงตัดทอนหรือขยายความจากเนื้อเรื่องในอะนืเมะซีรีส์ปัจจุบันมีตีพิมพ์ ในประเทศไทยโดยสำนักพิมพ์ หลายแห่ง เช่น บงกช พับลิชซิ่ง และสยามอินเตอร์คอมิกส์
โมบิลสูทเซต้ากันดั้ม (Zeta Gandam,Z-Gundam)(โทรทัศน์-1985,ตัดต่อใหม่เพื่อฉายเป็นภาพยนตร์-2005)-โมบิลสูทกันดั้มดับเบิลเซต้า (Gandam ZZ) (โทรทัศน์-1986)-โมบิลสูทกันดั้ม : ชาร์ เคาเตอร์ แอทแทค (Char’s Counter Attack) (ภาพยนตร์-1988)-โมบิลสูทกันดั้ม 0080 : วอร์อินเดอะพอกเก็ต (โอวีเอ-1989)- โมบิลสูทกันดั้ม F91(ภาพยนตร์-1991)-โมบิลสูทกันดั้ม 0083 : สตาร์ดัสต์เมโมรี่ (OVA)-1991,ตัดต่อใหม่เพื่อฉายเป็นภาพยนตร์-1992)-โมบิลสูทวิกทอรี่กันดั้ม
(V Gundam) (โทรทัศน์-1993)- โมบิล ไฟเตอร์จีกันดั้ม (โทรทัศน์-2004)-กันดั้มซี๊ด C.E.73 สตาร์เกเซอร์ (Gundam SEED C.E.73 Stargazer) (OVA/ONA-2006)-โมบิลสูทกันดั้ม เอ็มเอสอิกลูอโพคาลิบ 0079- กันดั้มดับเบิ้ลโอ (GundamOO)(โทรทัศน์-2007) โมบิลสูทกันดั้ม การ์ตูนญี่ปุ่นในลักษณะอะนิเมะซึ่งผลิต โดยบริษัท ซันไรส์ ซึ่งถือกันว่าเป็นอะนิเมะที่เป็นต้นกำเนิดหุ่นยนต์ประเภทรีลโรบอทและมีอิทธิพลต่อวงการอะนิเมะเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้ ออกอากาศครั้งแรกในญี่ปุ่นทุก วันเสาร์เวลา 17:30-18:30 วันที่ 7 เดือน 4 ปี 1979 จนถึง วันที่ 26 เดือน 1 ปี 1980 รวมทั้งสิ้น 43 ตอน เป็นผลงานของ โยชิยูกิ โทมิโนะ เนื้อเรื่อง
ปีศักราชอวกาศ 0079 สงครามระหว่างเอิร์ธนอยด์กับสเปซนอยด์ที่เกิดขึ้นจากการปลดแอกของชาวโคโลนีไซด์ 3 ซึ่งได้ชื่อว่า ซีออน กองทัพโลกหรือทาง กองทัพสหพันธ์ซึ่งเสียเปรียบอยู่เนื่องจากทางซีออน ได้คิดอาวุธรุ่นใหม่ขึ้นมาอาวุธที่มีรูปแบบมาจากมนุษย์เรียกว่า โมบิลสูท ทำให้ทางซีออนนั้นได้เปรีบทางสหพันธ์ โลกเป็นอย่างมากในยุทธศาสตร์ทางสงคราม ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่าอนุภาคไมนอฟสกี้ที่ทำให้สงครามนั้นยืดเยื้อขึ้น และที่สุดกองทัพโลกก็ได้คิดค้น โมบิลสูท รุ่นใหม่ขึ้นซึ่งเรียกว่า กันดั้ม... บทเริ่มต้นจุดจบของสงคราม 1 ปี
อามุโร่ เรย์ เด็กหนุ่มที่อาศัยอยู่ในไซด์ 7 ได้ขึ้นบังคับกันดั้ม [RX-78-2] ในครั้งที่ซีออนบุกมาโจมตีไซด์ 7 ทั้งที่ขึ้นขับเป็นครั้งแรก ก็สามารถทำลายแซด[zaku] ของซีออนได้ถึง2เครื่อง หลังจากนั้นอามุโร่ก็ได้เข้าประจำการ และเป็นกำลังสำคัญให้กับกองทัพโลก ทางซีออนเองก็มีชาร์ อัสนาเบิลฉายาดาวหางสีแดง
เป็นกำลังสำคัญเช่นกัน ในตอนท้ายของสงครามราร่าคนรักของชาร์และหญิงที่อามุโร่หลงรัก ได้ยอมสละชีวิตตนเพื่อช่วยชาร์จากการโจมตีของอามุโร่ทำให้ทั้งชาร์และ อามุโร่กลายเป็นคู่แค้นกันตั้งแต่นั้นมาสุดท้ายแล้วสหพันโลกก็สามารถเอาชนะสงคราม 1 ปีได ้ส่วนชาร์หายสาบสูญ อามุโร่ก็ยังคงเป็นทหารของกองทัพโลกต่อไป
5. Saki
**ยังไม่มีรายละเอียดเป็นภาษาไทย
6. Shin Seiki Evangelion
อีวานเกเลียน มหาสงครามวันพิพากษา (新世紀エヴァンゲリオン Shin Seiki Evangelion ชินเซกิ เอะวานเกริออน) หรือ ชื่อภาษาอังกฤษว่า Neon Genesis Evangelion หรืออาจเรียนย่อ ๆ ว่า อีวานเกเลียน, อีวา, NGE เป็นการ์ตูนอะนิเมะชุดสำหรับฉายทางสถานีโทรทัศน์ สร้างโดยสตูดิโอไกแน็กซ์ (Gainax) เขียนบทและกำกับโดย ฮิเดอากิ อันโน(庵野秀明 Anno Hideaki) และร่วมผลิตโดยทีวีโตเกียว และ Nihon Ad Systems เริ่มฉายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2538 เป็นการ์ตูนอะนิเมะที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทั้งในด้านความนิยม ด้านการค้า นอกจากนี้ ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการอะนิเมะ และสังคม ญี่ปุ่นในสมัยนั้น และก่อให้เกิดแฟรนไชส์สินค้าและสื่ออีวานเกเลียนขึ้นมากมาย นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัลอะนิเมะใหญ่หลายรางวัล จนได้รับการยอมรับในหลายๆ แห่งว่า เป็นหนึ่งในการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล (one of the greatest anime of all time) และถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เยี่ยมยอดที่สุด และเป็นเรื่องต้นฉบับที่ทำให้การ์ตูนทั้งหมดหลังจากนั้นเป็นยุคใหม่มากกว่าขึ้นอย่างมาก เช่น กันดั้ม เป็นต้น อีวานเกเลียน ได้หยิบสัญลักษณ์ทางศาสนาของหลักจูเดโอ-คริสเตียน จากพระธรรมปฐมกาล (Bookof Genesis) ในคัมภีร์ของศาสนายิวและศาสนา คริสต์ และเรื่องเล่าทางศาสนาต่างๆ มาเป็นแนวดำเนินเรื่อง ในตอนท้าย ๆ ได้เน้นไปที่การวิเคราะห์จิตของตัวละครเมื่อ สมัยเด็ก (psychoanalysis) ว่าทำไมตัวละคร หลักของเรื่องจึงมีนิสัยและการกระทำเช่นนั้น ซึ่งได้แสดงว่าตัวละครนั้น ๆ มีปัญหาทางด้านอารมณ์มาแต่เด็กจนเกิดอาการป่วยทางจิตในที่สุด การเดินเรื่องจะวนเวียน อยู่กับการตั้งคำถามและการตอบซ้ำไปซ้ำมา จนทำให้ตัวละครสับสนว่าสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นนั้นจริงหรือ ฮิเดอากิ อันโน ผู้กำกับของเรื่องนี้เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ก่อนที่จะ เริ่มสร้างเรื่องนี้ เขาได้นำประสบการณ์ตรงของตัวเองในการที่จะเอาชนะโรคซึมเศร้า มาเป็นแนวความคิดของตัวละคร
ในปี ค.ศ.2015 เป็นเวลา 15 ปีหลังจากหายนะที่เรียกว่า เซคันด์อิมแพกต์ การตกกระแทกของอุกกาบาตขนาดใหญ่ที่มีสิ่งมีชีวิตพิเศษที่เรียกว่าอดัม ตกที่ขั้วโลกใต้ เป็นเหตุให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ซึ่งเป็นเหตุทำให้ประชากรของโลกจำนวนมากต้องล้มตายลงเกือบครึ่งหนึ่งของประชากรทั้ง
หมดเหล่าผู้นำประเทศระดับสูง จึงได้เริ่มมีการจัดตั้งสหประชาคมโลกและองค์กรพิทักษ์มนุษยชาติ โดยมีการตั้งเมืองแบบใหม่แทนที่เมืองที่ถูกจมลงในทะเล โดยมีการสำรวจ ความเสียหายและการวิจัยเศษซากของอุกกาบาตนั้น ได้พบกับ เทวทูตตนที่ 1 คือ ตัวอ่อนของอดัม และเทวทูตตนที่ 2 คือ ลิลิธ โดยทำการผนึกไว้ที่เมืองใหม่ที่ชื่อ เนโอโตเกียว แห่งที่ 3 ด้วย หอกลองกินุสเพื่อยับยังการคืนชีพของเทวทูตตนที่ 2 โดยเนโอโตเกียวแห่งที่ 3 เป็นเมืองหน้าด่านในการป้องกันโลกจากการจู่โจมของ เทวทูต ด้วยโครงสร้างพิเศษ เพื่อป้องกันการนำ ลิลิธออกมานั่นเอง โดยใช้อาวุธชีวะภาพที่ได้สร้างขึ้นด้วยมนุษย์จากข้อมูลที่เหลืออยู่ในอุกกาบาตที่ตกลงมาที่ขั้วโลกใต้ สร้างขึ้นมาและใช้ชื่อเรียกว่า อีวานเกเลียน ....
7. Maho Shoujo Lyrical Nanoha
สาวน้อยจอมเวท นาโนฮะ (ญี่ปุ่น: 魔法少女リリカルなのは Mahō Shōjo Ririkaru Nanoha ?) (อังกฤษ: Magical girl lyrical Nanoha) เป็นอะนิเมะของประเทศญี่ปุ่น แนวสาวน้อยเวทมนตร์ ซึ่งประกอบไปด้วย เด็กผู้หญิง คทา เวทมนตร์ และสัตว์ที่เป็นคู่หู ผลงานของบริษัท เซเวนอาร์กส (Seven Arcs Corporation.) กำกับโดย อากิยูกิ ชินโบ เริ่มฉายผ่านทางสถานีโทรทัศน์ในญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 มีทั้งหมด 3 ภาคจบ ได้แก่
สาวน้อยจอมเวท นาโนฮะ ได้มีภาค The Movie 1st ซึ่งได้ออกฉายในโรงภาพยนตร์ในญี่ปุ่นไปแล้วและกำลังเข้ามาในไทยในไม่ช้านี้ในประเทศไทย สาวน้อยจอมเวท นาโนฮะ ออกจำหน่ายในรูปแบบ วีซีดี-ดีวีดี ลิขสิทธิ์โดย TIGA และเคยออกอากาศทางช่อง ทรู สปาร์ก ของสถานีโทรทัศน์เคเบิล ทรูวิชั่น
เนื้อเรื่องภาค 1 (Magical Girl Lyrical Nanoha)
ทาคามาจิ นาโนฮะ เด็กป.3 ได้พบกับ ยูโน่ นักเวทจากโลกต่างมิติ ซึ่งกำลังตามเก็บจูเวลซี้ด แต่เสียท่าศัตรูจนสะบักสะบอมทำให้ได้ค้นพบพลังเวทที่ยิ่งใหญ่ในตัวของนาโนฮะ และนาโนฮะก็เลือกที่จะใช้พลังเวทเพื่อปกป้องผู้คน ซึ่งเป็นภาระอันใหญ่ยิ่งเหลือเกินสำหรับเด็กป.3 แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ย่อท้อและยังคงตามเก็บจูเวลซี้ดเพื่อช่วยยูโน่ต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้พบกับสาวน้อยจอมเวทอีกคนที่ชื่อ เฟท เทสทารอสซ่า ซึ่งตามเก็บจูเวลซี้ดเพื่อแม่ของเธอ ทำให้สาวน้อยทั้งสองต้องมาห้ำหั่นกัน ในที่สุดแม่ของเฟทก็เปิดเผยความจริงที่ทำให้เฟทต้องตะลึง คือจะใช้ตัวเฟทในการคืนชีพให้กับลูกสาวของเธออีกคนและขณะนั้นเอง ผู้ตรวจการแห่งห้วงมิติเวลา มิดชิลด้า ก็เข้ามาทำลายแผนของคุณแม่ของเฟทและจับตัวเฟทไปพิพากษา
เนื้อเรื่องภาค 2 (Magical Girl Lyrical Nanoha A's)
เวลาผ่านไปหลายเดือน ระหว่างที่เหตุการณ์สงบก็เกิดภยันตรายใหม่ขึ้น"หนังสือแห่งความมืด"ได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการปรากฏตัวของสาวน้อยจอมเวทคนใหม่ ยางามิ ฮายาเตะ และเหล่าอัศวินเมฆาผู้พิทักษ์ทั้ง4 คน ประกอบด้วย วีต้า ซิกนั่ม ชามัล และ ซาฟีร่า ซึ่งทั้ง 4 คนปรารถนาให้หนังสือแห่งความมืดดูดกลืนพลังเวทจนครบ 666 หน้า เพื่อให้ฮายาเตะหายจากอาการป่วยที่ร้ายแรง เมื่อหนังสือสมบูรณ์ ก็มีจอมเวทของหน่วยดูแลมิติ มาโจมตี โดยเล่นละครว่าฆ่าวีต้าและซาฟีร่า (เป็นสุนัขจิ้งจอก) ทำให้ฮายาเตะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของหนังสือแห่งความมืดออกมา สามารถใช้ท่าไม้ตายของนาโนฮะได้และยังดูดร่างของเฟทไปด้วยเมื่อเฟทตื่นขึ้นมา ได้พบกับความฝันที่เป็นจริงของเธอ คือ ครอบครัวที่อบอุ่น เธอได้อยู่กับแม่และพี่สาวของเธอ(ที่ตายไปแล้ว)เธอปฏิเสธที่จะอยู่ด้วยพี่ของเธอได้บอกวิธีออกจากหนังสือแห่งความมืด เฟทออกมาได้สำเร็จแล้วมาช่วยนาโนฮะไว้ได้ขณะย่ำแย่ ฮายาเตะสามารถควบคุมหนังสือแห่งความมืดได้แล้ว แต่ไม่สามารถหยุดโปรแกรมทำลายล้างที่ทำงานอยู่เนื่องจากจนเองได้ปลดปล่อยหลังของหนังสือออกมา สาวน้อยจอมเวททั้ง 3 จึงร่วมมือกับนาโนฮะในการทำลายหนังสือแห่งความมืด
เนื้อเรื่องภาค 3 (Magical Girl Lyrical Nanoha Strikers )
6 ปีผ่านไป พันโทยางามิ ฮายาเตะ ได้ก่อตั้งหน่วยแผนกปฏิบัติการที่6 ขึ้นมาเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดจาก ลอสโลเกียร์ปริศนา เรลิค โดยมี นาวาอากาศเอกทาคามาจิ นาโนฮะ มาเป็นครูฝึกประจำหน่วยเพื่อฝึกให้กับเด็กใหม่ได้แก่ ซึบารุ นาคาจิมา เด็กที่นาโนฮะช่วยเคยช่วยชีวิตไว้ เทียน่า แลตเตอร์คู่หูของซึบารุ คาโร รู ลูเชีย นักอัญเชิญมังกรและเอริโอ มอลเดียลเด็กในความดูแลของเฟท และอันตรายครั้งใหม่ได้เกิดจากฝีมือ เจล สกาลิเอ็ตตี้ อาชญากรต่างมิติ กับ 12 มนุษย์จักรกลสงคราม
8. Hetalia
พลังอักษะ เฮตาเลีย (Hetalia: Axis Powers ヘタリア Axis Powers ) เขียนโดย ฮิมะรุยะ ฮิเดคาสึ (日丸屋秀和 Himaruya Hidekazu) โดยเขียนเป็นการ์ตูนลงในเว็บไซต์ ก่อนที่จะได้ออกเป็นหนังสือการ์ตูนและกลายเป็นแอนิเมชันในที่สุด ลักษณะพิเศษของเรื่องนี้คือการสร้างตัวละครขึ้นมาเป็นตัวแทนของประเทศต่างๆในโลก และนำเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ยุคสงครามโลกและปัจจุบันมาเล่าอย่างน่ารัก โดยล้อเลียนลักษณะของคนในชาตินั้นๆเช่นให้อิตาลี่ชอบกินพาสต้า ให้รัสเซียไม่ชอบ อากาศหนาวหรือให้อเมริกาชอบแฮมเบอเกอร์ ในเรื่องนี้การรวมประเทศเข้าด้วยกันหมายถึงการแต่งงานของตัวละครการทำสัมพันธมิตรหมายถึงความสนิทสนมและการ แยกประเทศหมายถึงการหย่าร้างของตัวละคร ชื่อเรื่องเฮตาเลียเกิดจากการรวมสองคำเข้าด้วยกัน ได้แก่ Hetare (ในภาษาญี่ปุ่น มีความหมายว่า ใช้ไม่ได้) และ Italia (ชื่อของประเทศอิตาลีในภาษาอิตาลี) เมื่อนำมารวมกันแล้ว เฮตาเลีย จึงมีความหมายว่า "อิตาลีผู้ไม่ได้เรื่อง"การตั้งชื่อดังกล่าวนี้เป็นการล้อเลียนถึงความอ่อนแอของ อิตาลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เดิมฮิมะรุยะเขียนเรื่องเฮตาเลียลงในเว็บไซต์ส่วนตัวในลักษณะเว็บคอมมิค ต่อมาจึงได้มีการรวบรวมตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม โดยสำนักพิมพ์ เก็นโตฉะครั้งแรกเมื่อเดือน มีนาคม ค.ศ.2008 ปัจจุบันมีการตีพิมพ์รวมเล่มแล้ว 3 เล่มต่อมาจึงได้มีการดัดแปลงการตูนชุดนี้ในรูปแบบของดราม่าซีดีและภาพยนตร์แอนิเมชั่นโดยสตูดิโอดีน
9. CLANNAD
แคลนนาด (クラナド Kuranado : Clannad) เป็นชื่อเกมประเภทวิชวลโนเวล (visual novel) ซึ่งบริษัทคีย์ (Key) ผลิตขึ้นและเผยแพร่ ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2547 สำหรับเล่นบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการของวินโดวส์ ต่อมาจึงพัฒนาให้เล่นกับเพลย์สเตชัน 2, เพลย์สเตชันแบบพกพา, เอกซ์บอกซ์ 360 และเพลย์สเตชัน3 ได้ด้วย เกมนี้เป็นผลงานลำดับที่สามของคีย์ถัดจาก แอร์ (Air) และ แคนอน (Kanon) ตามลำดับแต่ต่างกันตรงที่เกมทั้งสองนั้นเมื่อแรกประกอบ ไปด้วยเนื้อหาลามกอนาจารมุ่งเร้ากำหนัดเป็นสำคัญต่อภายหลังจึงทำฉบับที่ปราศจากสื่อดังกล่าววางจำหน่ายในตลาดผู้เยาว์ขณะที่เกมนี้ไม่มีเนื้อหาทำนองเช่นว่ามา แต่ต้น และได้รับการจัดประเภทว่าเหมาะสมสำหรับทุกเพศทุกวัย อย่างไรก็ดี ภายหลังได้ออกตอนพิเศษของเกมนี้โดยมีเนื้อหาเร้ากามารมณ์ ชื่อ โทะโมะโยะแอฟเตอร์: อิตส์อะวันเดอร์ฟูลไลฟ์ (Tomoyo After: It's a Wonderful Life) เกมนี้ว่าด้วยชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งต้องพบปะกับผู้คนมากหน้าหลายตาตั้งแต่เรียนระดับมัธยมศึกษาตอน ปลายไปจนถึงเติบใหญ่ทำมาหาเลี้ยงชีพ และต้องช่วยเหลือคนเหล่านั้นแก้ไขปัญหาเป็นรายไป เนื้อหาแบ่งเป็นสององก์ต่อเนื่องกัน องก์แรกเรียก "ชีวิตวัยเรียน" (School Life) และองก์ที่สองเรียก "เรื่องราวให้หลัง" (After Story) แรกจำหน่าย ฉบับเล่นบนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลนั้นขายดีเป็นอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นในเวลาต่อมาก็ติดอันดับเกมห้าสิบเกมที่ขายดีที่สุดในประเทศอีกหลายครั้ง เกมนี้ได้รับการดัดแปลงเป็นสื่ออื่น ๆ อีกจำนวนมาก ได้แก่ มังงะสี่ชุด ชุดแรกลงพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร คอมิกรัช (Comic Rush) ชุดสองลง คอมิกดิจิ + (Comi Digi +) ชุดสามลง เด็งเงะกิจีส์แมกาซีน(Dengeki G's Magazine) และชุดสี่ลง แดรก็อนเอจเพียวร์ (Dragon Age Pure) นอกจากนี้ ยังมีประชุมการ์ตูน ไลท์โนเวล สมุดภาพ ละครเสียง และอัลบัมเพลงอีกหลายชุด ต่อมาบริษัทโทเอแอนิเมชัน (Toei Animation) ดัดแปลงเป็นอะนิเมะโรง เข้าฉาย ณ วันที่ 15 กันยายน 2550 เป็นวันแรก และบริษัทเกียวโตแอนิเมชัน (Kyoto Animation) ดัดแปลงเป็นอะนิเมะโทรทัศน์จำนวนสองฤดูกาล สี่สิบเจ็ดตอน กับวีดิทัศน์ภาพเคลื่อนไหวฉบับต้น (original video animation) หรือโอวีเอ อีกสองตอน เผยแพร่ในระหว่างปี 2550 ถึง 2553 ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอันมากทั้งในบ้านเกิดเมืองนอนและต่างบ้านต่างเมือง
จุง มะเอะดะ (Jun Maeda) เขียนเกมนี้ให้มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับคุณค่าของครอบครัว และตั้งนามให้ว่า แคลนนาด เพราะสำคัญว่า คำ "แคลนนาด" (Clannad) เป็นภาษา ไอริช มีความหมายว่า ครอบครัว (clan) แต่แท้จริงแล้ว คำ "แคลนนาด" ไม่มีความหมายในภาษาไอริช ส่วนชื่อวงดนตรีแคลนนาดของชาวไอริชนั้น ย่อมาจากวลีในภาษา ไอริชว่า "Clann As Dobhar" แปลว่า ครอบครัวชาวเมืองกวีดอร์
เนื้อเรื่องของเกมว่าด้วยชีวิตตั้งแต่เด็กจนโตของชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ โทะโมะยะ โอะกะซะกิ (Tomoya Okazaki) แบ่งเป็นสององก์ องก์แรกเรียก "ชีวิตวัยเรียน" ดำเนิน ณ โรงเรียนมัธยมศึกษาประจำจังหวัดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น กับร้านขนมปังของครอบครัวฟุรุกะวะ(Furukawa) และหอพักของโยเฮ ซุโนะฮะระ (Yōhei Sunohara) เพื่อนของโทะโมะยะ เป็นหลัก ส่วนองก์ที่สองเรียก "เรื่องราวให้หลัง" ว่าด้วยโทะโมะยะในอีกเจ็ดปีต่อมาหลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วดำเนินเรื่อง ในเมืองเดียวกันและต่อเนื่องกันกับองก์แรก ตลอดทั้งสององก์นี้จะปรากฏภพภูมิที่เรียก "โลกมายา" (Illusionary World) สลับขึ้นมาเป็นระยะ ๆ เป็นโลกที่ไร้สรรพชีวิต ยกเสียแต่เด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้นำขยะมาประกอบขึ้นเป็นหุ่นยนต์ตัวหนึ่งสำหรับเป็นเพื่อนเล่นเกมนี้มุ่งหมายแสดงคุณธรรมเกี่ยวกับครอบครัวในบรรดาตัวละครหลักทั้งหก อันได้แก่ โทะโมะยะ, นะงิซะ ฟุรุกะวะ (Nagisa Furukawa), เคียว ฟุจิบะยะชิ (Kyō Fujibayashi), โคะโตะมิ อิชิโนะเซะ (Kotomi Ichinose), โทะโมะโยะ ซะกะงะมิ (Tomoyo Sakagami) และฟูโกะ อิบุก ิ(Fūko Ibuki) นั้น โทะโมะยะ นะงิซะ กับโคะโตะมิสามคนไม่มีพี่น้องแต่บิดามารดาเป็นเหตุเป็นปัจจัยซึ่งส่งผลต่อชีวิตของเขา เหล่านั้นเป็นอันมาก ชีวิตของนะงิซะนั้นมะเอะดะว่าเขียนขึ้นเพื่อประมวลภาพของสิ่งที่เขาเรียก "ครอบครัวอันสมบูรณ์" โดยประสงค์ให้แสดงถึงความตระหนักรู้ซึ่งจิตสำนึก ในฉากเกี่ยวกับนะงิซะ ยังปรากฏ "ครอบครัวใหญ่ของเหล่าดังโงะ" (だんご大家族 Dango Daikazoku) อันเป็นกลุ่มตัวละครสำหรับเด็กและเป็นที่ชื่นชอบของนะงิซะ บ่อยครั้ง เพื่อเน้นย้ำภาพครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอบอุ่น มะเอะดะยังว่าชีวิตของโทะโมะยะกับนะงิซะนั้นเขียนไปในทางให้สื่อความหมายของคำว่า "เติบโตเป็นผู้ใหญ่"เมื่อจบเรื่อง ส่วนตัวละครอื่น ๆ ญาติพี่น้องมีอิทธิพลต่อชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับฟูโกะได้แก่พี่สาว เคียวได้แก่น้องสาว และโทะโมะโยะได้แก่สมาชิกทั้งปวงของครอบครัวเธอใช่แต่ชื่อเกมเป็นภาษาไอริชเท่านั้น "แม็กเมล" (Mag Mell) อันเป็นถ้อยคำภาษาไอริชมีความหมายว่า "ดินแดนแห่งความสุข" และเป็นคติธรรมเกี่ยวเนื่องกับเทพปกรณัมไอริชนั้น ยังนำมาใช้เป็นชื่อเพลงเปิดเกมซึ่งต่อมาอยู่ในอัลบัม มะบิโนะงิ (Mabinogi) ร่วมกับเพลงอื่น ๆ ที่ใช้ประกอบเกม เพื่อให้เป็นประมวลร้อยแก้วจากเอกสารตัวเขียนภาษาเวลช์ซึ่งเป็นภาษาในกลุ่มเคลติกเช่นเดียวกับภาษาไอริชด้วย
โทะโมะยะเป็นนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย มารดาถึงแก่ความตายตั้งแต่เขายังเยาว์ บิดาจึงเลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ แต่ด้วยตรอมใจในมรณกรรมของภริยา จึงติดสุรายาเมาและการพนันขันต่อ ซึ่งทำให้โทะโมะยะไม่พอใจเป็นอันมากและทะเลาะเบาะแว้งกับบิดาเป็นอาจิณ ขณะวิวาทกันครั้งหนึ่ง บิดาตบโทะโมะยะกระเด็นไปกระแทกหน้าต่าง ทำให้ไหล่ของโทะโมะยะเคลื่อน บิดาเห็นเข้าก็เสียใจ ยิ่งกินเหล้าเมายาหนักขึ้นอีก แม้จะหันมาดูแลเอาใจใส่โทะโมะยะมากขึ้นก็ตาม โทะมะโยะจึงเลี่ยงไม่เข้าบ้านเสมอ และความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบิดาจึงเป็นประหนึ่งคนอื่นคนไกล นอกจากนี้ ไหล่ที่เคลื่อนทำให้เขาไม่อาจเล่นกีฬาได้ดังเดิม โทะโมะยะจึงไม่อาจเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับเพื่อนได้นับ แต่บัดนั้นเขาก็เริ่มเกกมะเหรกเกเร ต่อมาได้พบโยเฮ นักเรียนแตกแถวที่เพิ่งถูกขับออกจากชมรมกีฬา จึงได้สนิทชิดเชื้อกันองก์ชีวิตวัยเรียนอันเป็นองก์แรกนั้น ตั้งต้น ณ วันจันทร์ที่ 14 เมษายน 2546 ซึ่งเป็นวันเปิดภาคการศึกษา วันนั้นโทะโมะยะได้พบนะงิซะโดยบังเอิญ นะงิซะกลับมาเรียนชั้นเดิมอีกหลังจากปีก่อนต้องพักไปเพราะป่วยหนักต่อเนื่องกันยาวนาน แต่พบว่าเพื่อน ๆ สำเร็จการศึกษาไปสิ้นแล้ว ทั้งไม่รู้จะเข้าหาใคร จึงต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ กับตัวเองเสมอมา โทะโมะยะพบว่า เธอต้องการเข้าร่วมชมรมการแสดง แต่ชมรมถูกยุบเลิกไปแล้ว เหตุว่าสมาชิกเดิมได้จบการศึกษาไปและไม่มีสมาชิกใหม่ โทะโมะยะจึงช่วยเธอตั้งชมรมนั้นอีกครั้ง ระหว่างนั้นโทะโมะยะได้พบปะรู้จักและช่วยเหลือคนอื่น ๆ อีกมากหน้าหลายตา กับทั้งได้รักกันกับนะงิซะ ส่วนองก์เรื่องราวให้หลังอันเป็นองก์ที่สองนั้นว่าด้วยชีวิตของโทะโมะยะหลังจากสำเร็จการศึกษา สมรสกับนะงิซะและอาศัยอยู่ด้วยกันฉันสามีภริยาแล้ว โทะโมะยะต้องประเชิญความลำบากกายและใจนานัปการ โดยเฉพาะความเจ็บป่วยของนะงิซะซึ่งกำเริบขึ้นเมื่อเธอคลอดอุชิโอะ (Ushio) บุตรของคนทั้งสองและยังให้เธอ ถึงแก่ความตาย โทะโมะยะหมดอาลัยตายอยาก ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ติดสุรายาเมาเสมอบิดาเขา และละทิ้งอุชิโอะหาแยแสไม่ บิดามารดาของนะงิซะจึงเป็นธุระอุ้มชูเลี้ยงดูหลานแทน ห้าปีต่อมาโทะโมะยะได้พบกับย่า ย่าเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความทุกข์ระทมที่บิดาประสบมาในอดีตกับน้ำพักน้ำแรงที่บิดาเสียสละเพื่อเลี้ยงดูเขา โทะโมะยะฟังแล้วก็ได้สติและกลับไปเลี้ยงดูอุชิโอะโดยสุดความรักและความสามารถที่ผู้ชายในฐานะบิดาจะมีได้ ทว่า อุชิโอะมีร่างกายไม่แข็งแรงเสมือนมารดา ไม่ช้าก็ตายจากเขาไปอีกคน โทะโมะยะตกอยู่ในความโทมนัสอย่างหาที่สุดมิได้มิรู้ที่จะดำเนินชีวิตต่อไปเช่นไรและหมดสติล้มลงถึงแก่ความตายทั้งนี้ ในระหว่างเรื่องที่ผ่านมานั้น โทะโมะยะมักฝันถึงโลกมายาอันเป็นภพภูมิหนึ่งที่หมดสิ้นแล้วซึ่งสรรพชีวิต มีแต่เด็กหญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่ตัวคนเดียวเธอมีความสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นจากขยะมูลฝอยโสโครกต่าง ๆ และต่อมา เธอได้นำขยะมาสร้างเป็นหุ่นยนต์ตัวเล็กตัวหนึ่งเพื่อให้เป็นเพื่อน โทะโมะยะจึงมาเกิดในโลกนี้เป็นหุ่นยนต์ตัวนั้น โทะโมะยะในสภาพหุ่นยนต์มีความรู้สึกนึกคิดและเคลื่อนไหวได้ แต่มิอาจพูดจาได้เพราะเด็กหญิงมิได้สร้างปากให้ เพื่อให้วันเวลาในโลกนี้ไม่น่าเบื่อหน่าย เด็กหญิงและโทะโมะยะได้ช่วยกันประกอบขยะขึ้นเป็นสิ่งอื่น ๆ อีกเรื่อย ๆ แต่ปรากฏว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนไม่มีชีวิตเพราะขาดไร้วิญญาณ เวลานั้นเองโทะโมะยะหวนรำลึกถึงโลกที่เขาจากมาได้ จึงชวนเด็กหญิงสร้างเรือใบลำใหญ่จะได้พากันไปยังโลกนั้นละทิ้งดินแดนอันเงียบเหงานี้ไว้เบื้องหลังกระนั้นฤดูหนาวมาเยือน เด็กหญิงจมอยู่ในกองหิมะจนมิอาจเคลื่อนไหวร่างกายได้อีกต่อไป เนื้อเรื่องบัดนี้เผยว่าเด็กหญิงคืออุชิโอะที่ตายแล้วมากลับชาติมาเกิดและด้วยเข้าใจว่าตนกำลังจะสิ้นใจเพราะความหนาวเหน็บ เด็กหญิงจึงบอกแก่โทะโมะยะว่า เขาอาจกลับไปยังโลกนั้นเพื่อแก้ไขอกุศลกรรมที่เขาเคยทำไว้กับเธอได้ ถ้าเขาสามารถรวบรวมลูกไฟอันเป็นสัญลักษณ์ของความปีติสุขให้ได้มาก ตลอดเนื้อเรื่องที่เป็นคนนั้น โทะโมะยะได้ช่วยเหลือผู้คนจำนวนมากและเมื่อช่วยเหลือใครได้คนหนึ่งก็จะบังเกิดลูกไฟขึ้นดวงหนึ่งในโลกมายานี้ เพราะฉะนั้นลูกไฟที่เขาสั่งสมไว้เสมอมาจึงมีเป็นอันมาก เมื่อเด็กหญิงสั่งเสียเสร็จ ลูกไฟทั้งปวงก็ประชุมรุมกันเป็นแสงเจิดจ้าปรากฏแก่สายตาของโทะโมะยะและโลกมายานั้นก็ทำลายลง โทะโมะยะสะดุ้งตื่นขึ้นพบว่านะงิซะกำลังคลอดอุชิโอะ ทั้งมารดาและทารกปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี ซึ่งหมายความว่าโทะโมะยะสามารถกลับไปใช้ชีวิตใหม่ให้ดีตามคำของเด็กหญิงนั้นกับทั้งเด็กหญิงก็ได้กลับไปเกิดเป็นอุชิโอะอีกครั้ง
10. Toradora!
โทระโดระ! ยายเสือใสกับนายหน้าโหด (とらドラ! Toradora! ) เป็นไลท์โนเวล แต่งโดย ยูยูโกะ ทาเคมิยะ และวาดภาพประกอบโดย ยาสึ วางจำหน่ายเล่มแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม2006 ส่วนเล่ม 10 เป็นเล่มจบของฉบับไลท์โนเวล วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2009 โดยสำนักพิมพ์ เด็งเงคิ บุงโกะ ในเครือ ASCII มีเดียเวิร์กส และมีนิยายที่มีเนื้อเรื่องแยกออกมาจากเนื้อเรื่องหลัก ใช้ชื่อว่าโทระโดระ สปริน-ออฟ! วางจำหน่ายเล่มแรกเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม2007 และมังงะวาดโดย เซคเคียว ลงในนิตยสาร Dengeki Comic Gao! ในวันที่ 27 กรกฎาคม2007 สำนักพิมพ์ เด็งเงคิ คอมิคส์ โดยหลังจากนิตยสาร Dengeki Comic Gao! ปิดตัวลง วันที่ 27 มกราคม 2008 ก็ได้รับการตีพิมพ์ต่อในนิตยสาร Dengeki Daioh ในวันที่ 21 มีนาคม 2008 มีการจัดทำรายการวิทยุทางอินเทอร์เน็ตโดยเริ่มเมื่อ เดือนกันยายน 2008 จัดรายการโดย Animate TV ส่วนอะนิเมะ เรื่องนี้ผลิตโดย J.C.Staff ฉายทางช่อง TV Tokyo เริ่มฉายในวันที่ 2 ตุลาคม 200
ส่วนเกมวิชช่วลโนเวล พัฒนาโดย Namco Bandai Games ลงในเครื่อง เพลย์สเตชันพอร์เทเบิล จะวางจำหน่ายในวันที่ 30 เมษายน 2009ในชื่อเรื่อง โทระโดระ! เป็นการนำชื่อสองตัวละครหลัก ไอซากะ ไทกะ กับ ทาคาสุ ริวจิ โดยชื่อของไทกะ มาจากคำว่า ไทเกอร์ แปลว่า เสือ ในภาษาอังกฤษ ซึ่ง เสือในภาษาญี่ปุ่นก็คือ โทระ (虎 tora) ในส่วนแรกของชื่อริวจิก็คือ ริว (竜 ryū) แปลว่า มังกร ในภาษาญี่ปุ่น และ ดราก้อนในภาษาญี่ปุ่นจะอ่านว่า โดรากอน (ラゴン doragon)
โทระโดระ! เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ทาคาซึ ริวจิ ชายหนุ่มผู้มีดวงตาแข็งกร้าว ดุจนักเลงจนใครๆเกรงกลัว (จนยากจะหาแฟนได้ และมีเพื่อนสนิทอยู่ไม่กี่คน) แต่จริงๆแล้วริวจิมีนิสัยสุภาพ อ่อนโยน ชอบทำงานบ้าน ชอบทำอาหาร และไอซากะ ไทกะ สาวตัวน้อย (ตัวเล็กจนดูเหมือนตุ๊กตา) แต่นิสัยดุเหมือนเสือ จนใครๆเรียกเธอว่า แม่ฝ่ามือพยัคฆ์ (Palmtop tiger - เสือขนาดฝ่ามือ) โทระโดระ! เปิดเรื่องในวันขึ้นไฮสคูลปีสองของริวจิ เขามาถึงโรงเรียนด้วยความดีใจ เมื่อพบว่าได้อยู่ห้องเดียวกับเพื่อนสนิท คิทามุระ ยูซาคุ ชายหนุ่มสวมแว่นตา นิสัยดี หนึ่งในไม่กี่คนผู้มองเห็นความอ่อนโยน ภายใต้ดวงตาที่น่ากลัวของริวจิ นอกจากนี้เขายังได้อยู่ห้องเดียวกันกับ คุชิเอะดะ มิโนริ สาวสวยผมแดงตาโตร่าเริง ผู้ไม่ค่อยจะอยู่นิ่ง (พูดคุย-เล่นกีฬา-งานชมรม-ทำงานพิเศษตลอด) และเป็นผู้หญิงที่ริวจิ แอบหลงรักทุกครั้งที่ขึ้นชั้นใหม่ริวจิต้องมาหา วิธีทำให้เพื่อนๆเข้าใจว่าเขาก็เป็นคนน่าคบ ไม่ได้ดูดุเหมือนแววตา ซึ่งปีนี้ภารกิจนี้ดูจะง่ายขึ้น เพราะเขาได้บังเอิญมาชนเข้ากับไทกะ ผู้เกรี้ยวกราดและไม่ลังเลที่จะขึ้นเสียง ตลอดจนลงไม้ลงมือกับคนรอบข้าง ไทกะเป็นเพื่อนสนิทของมิโนริมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เช่าอพาร์ทเมนใหญ่โตอยู่ข้างบ้านเช่าของริวจิ เมื่อริวจิทราบว่าไทกะแอบชอบยูซาคุ และไทกะพบว่าริวจิแอบหลงใหลมิโนริ ริวจิจึงเสนอ ให้ร่วมมือกันช่วยเหลือกัน ให้แต่ละฝ่ายได้ใกล้ชิดคนที่ตนแอบชอบ แต่กลายเป็นว่า ไทกะใช้จุดอ่อนนี้ทำให้ริวจิ ยอมเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยงส่วนตัวในขณะที่แผนการให้ได้ใกล้ชิดกับคนที่พวกเขาหลงใหลไม่คืบหน้าเท่าไร แต่ริวจิกับไทกะกลับใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ริวจิต้องคอยปลุกไทกะทุกเช้าทำอาหารให้ทาน เตรียมมื้อกลางวันให้ ทำความสะอาดห้องให้ไทกะ ดูทีวีด้วยกันจนดึกดื่น ไป-กลับโรงเรียนด้วยกัน กลายเป็นว่าเพื่อน ๆ เริ่มจะสงสัยในความสัมพันธ์ของริวจิและไทกะและ ทุกอย่างวุ่นวายมากขึ้นเมื่อ คาวาชิมะ อามิ สาวสวยระดับนางแบบ เพื่อนสมัยเด็กของ คิทามุระ ยูซาคุ ก้าวเข้ามา
โค้ด กีอัส ภาคการปฏิวัติของลูลูช (コードギアス 反逆のルルーシュ Kōdo Giasu Hangyaku no Rurūshu ) (CODE GEASS Lelouch of the Rebellion) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นแนวหุ่นยนต์รบคล้ายกับกันดั้ม โดยผสมผสารกลิ่นไอแบบ เดทโน็ต สมุดโน็ตมรณะ สร้างโดยทีมงานซันไรส์ กำกับโดยโกโร่ ทานิงุจิ และเขียนบทโดยอิจิโร่ โอโคอุจิ ซึ่งเคยร่วมงานกันมาแล้วในผลงานอื่นของซันไรส์เช่น Planetes โดยได้รับการออกแบบตัวละครโดยกลุ่มแคลมป์ ที่มีผลงานเป็นที่ ยอมรับมากมาย อนิเมะชุดนี้ออกฉายในประเทศญี่ปุ่นทางสถานีโทรทัศน์ MBS ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมพ.ศ.2549 ถึงวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2550 และฉายผ่านโทรทัศน์ ระบบดาวเทียมทางช่อง Animaxครั้งแรกในวันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 ส่วนซีซั่นที่สองเริ่มฉายในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2551และสิ้นสุดในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551 ทั้งสองซีซั่นประกอบไปด้วยซีซั่นละ 25 ตอนส่วนในประเทศไทย ถอดรหัสเนตรราชันย์ ลูลูชปฏิวัติ ได้รับลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายโดย DEXโดยยังมีการนำไปทำเป็น การตูนในภายหลังอีกทั้งที่เป็นลิขสิทธิ์และโดจินอีกด้วย ซึ่งเป็นที่น่าสนใจคือมีการเขียนตัวละครเลียนแบบโดยสลับเพศกันซึ่งทำให้ได้รับความนิยมสูงขึ้นไปอีก
ในวันท ี่10 เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ.2010 จักรวรรดิบริททาเนียได้โจมตีญี่ปุ่นด้วยหุ่นยนต์รุ่นใหม่ ไนท์แมร์เฟรม ทำให้ญี่ปุ่นพ่ายแพ้และเสียชื่อ ประเทศและอิสรภาพไป ประเทศญี่ปุ่นถูกเรียกว่า Area 11 (แอเรีย สิบเอ็ด) และคนญี่ปุ่นถูกเรียกว่า ชาว 11 (อีเลฟเว่น) ชาวอีเลฟเว่นถูกบังคับให้อาศัยอยู่ในถิ่นที่เสื่อมโทรม ในขณะที่ชาวบริททาเนียเข้ามาอาศัยในบ้านเรือนที่หรูหรา อย่างไรก็ตาม มีชาวญี่ปุ่นหลายกลุ่มที่ตั้งตัวเป็นกบฏ ต่อต้านบริททาเนีย เพื่ออิสระของประเทศญี่ปุ่น 7 ปีต่อมา ลูลูช นักเรียนโรงเรียนแอชฟอร์ดคนหนึ่งได้เข้าไปพัวพันกับกลุ่มกบฏในแอเรียสิบเอ็ด และพบกับหญิงสาวลึกลับ นามว่า ซีทู ผู้มอบพลังของกีอัสให้กับเขา ทำให้เขามีพลังที่จะต่อสู้กับบริททาเนีย แก้แค้นให้มารดาของเขาและสร้างโลกที่อ่อนโยนท ี่นานาลี่ น้องสาวของเขาจะอยู่ได้อย่างสงบสุขจนเขาได้รู้ความจริงว่าเพื่อนรักของเขาหรือซูซาคุนั้นต้องมาเป็นศัตรูกันเนื่องจากซูซาคุได้ไปเป็นทหารของบริททาเนียเขาจึงต้องอยู่ภายใต้หน้ากากและภายใต้นามว่า ซีโร่ และได้ก่อตั้งภาคีอัศวินดำขึ้น และสมรู้ร่วมคิดกับ ซีทู เรื่อยมาจนความจริงและตัวตนของเขาเปิดเผยโดยเพื่อนรักของเขาเอง
4. Macross Frontier
มินามิ-เกะ เป็นเรื่องของพี่น้องสามสาว สกุลมินามิ มีชื่อว่า "ฮารุกะ คานะ" และ "จิอากิ" อาศัยอยู่ด้วยกันเพียงสามคนในอพาร์ทเมนต์ โดยนาน ๆ
จะมีญาติผู้ใหญ่ ชื่อนายทาเครุ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง แวะมาดูแลสักทีเรื่องราวส่วนใหญ่ของมินามิ-เกะ จะเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียนของสามสาวมินามิ และบางครั้งก็เกี่ยวพันไปถึงอีกครอบครัวหนึ่ง ซึ่งนามสกุลมินามิเหมือนกัน แต่ประกอบด้วย พี่ชายสามคนกับน้องสาวคนเล็ก ชื่อ มินามิ โทมะ ที่ชอบแต่งตัวเหมือนเด็กผู้ชาย โทมะจึงมักจะกลายเป็น สาวน้อย (ทอมบอย) มินามิคนที่สี่ ไปใช้เวลาว่างเที่ยวเล่นที่บ้านมินามิอยู่เสมอ ๆ